สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนกล่าวอ้างว่าสามารถยิงสกัดเครื่องบินขับไล่ของกองกำลังซาอุดีอาระเบีย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตร ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.90 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 57.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 62.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ย. ซึ่งแม้เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ แต่ก็ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 750,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ กลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานเพื่อสกัดเครื่องบิน F-15 ของกองกำลังพันธมิตรซาอุดีอาระเบียที่บินเหนือน่านฟ้าในเมืองซาดา ทางตอนเหนือของเยเมน อย่างไรก็ดี ทางซาอุดีอาระเบียยังไม่ได้ออกมายืนยันคำกล่าวอ้างของกลุ่มกบฎฮูตีในขณะนี้
นักวิเคราะห์จากไฟรซ์ ฟิวเจอร์ กรุ๊ป มองว่า การสู้รบที่ยืดเยื้อระหว่างซาอุดิอาระเบียและกลุ่มกบฎฮูตีอาจส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันเพื่อเก็งกำไร
ทั้งนี้ สงครามกลางเมืองในเยเมนเปรียบเสมือนการทำสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน โดยซาอุดีอาระเบียให้การสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดีอับดราบูห์ มันซูร์ ฮาดี แต่อิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏฮูตีที่มีความจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์
นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกและประเทศพันธมิตรในวันดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หลังจากที่โอเปกได้บรรลุข้อตกลงกับรัสเซียและผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้