สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงกลางปีหน้า นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 58.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 63.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า โอเปกและพันธมิตรจะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมต่อไปถึงกลางปีหน้า โดยกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะประชุมนโยบายการผลิตน้ำมันในวันที่ 5-6 ธ.ค. ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
ทั้งนี้ โอเปกบรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานเพื่อสกัดเครื่องบิน F-15 ของกองกำลังพันธมิตรซาอุดีอาระเบียที่บินเหนือน่านฟ้าในเมืองซาดา ทางตอนเหนือของเยเมน
ทั้งนี้ สงครามกลางเมืองในเยเมนเปรียบเสมือนการทำสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน โดยซาอุดีอาระเบียให้การสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดีอับดราบูห์ มันซูร์ ฮาดี แต่อิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏฮูตีที่มีความจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์