สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การผลิตน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 58.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 64.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 418,000 บาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 5.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 725,000 บาร์เรล ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 750,000บาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ รายงานของ EIA ยังระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12.9 ล้านบาร์เรล/วัน
นักวิเคราะห์จากบริษัทริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจาก EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย และการผลิตน้ำมันดิบที่สูงเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี การที่นักลงทุนยังคงมีมุมมองบวกเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนนั้น ได้ช่วยจำกัดการร่วงลงของสัญญาน้ำมันดิบ