สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) ขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตร ลงมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. บวก 77 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 59.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 64.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 7.3% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 6.5%
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุน หลังโอเปกแถลงในวันศุกร์ว่า โอเปกและประเทศพันธมิตรมีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอีก 500,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการปรับลดกำลังการผลิตมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมเป็น 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 2563 จากเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ โอเปกและประเทศพันธมิตรที่นำโดยรัสเซียลงมติดังกล่าวในการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียเมื่อวานนี้
โอเปกและประเทศพันธมิตรยังวางแผนที่จะจัดการประชุมเพื่อทบทวนนโยบายการผลิตในวันที่ 5-6 มี.ค. 2563
นักวิเคราะห์ระบุว่า สหรัฐจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นจากการปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าว โดยขณะนี้สหรัฐเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่มีการผลิต 12.3 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 11 ล้านบาร์เรล/วันในปีที่แล้ว โดยผลิตน้ำมันมากกว่าซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนด้วย หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในวันศุกร์ว่า สหรัฐและจีนใกล้บรรลุข้อตกลงทางการค้า ซึ่งสวนทางกับที่เขาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่จีนระบุว่า จะมีการยกเว้นภาษีถั่วเหลือง และเนื้อหมูบางส่วนที่นำเข้าจากสหรัฐ