นายจอร์จ จีโร กรรมการผู้จัดการของอาร์บีซี เวลธ์ แมเนจเมนต์เปิดเผยว่า ราคาทองจะปรับตัวในกรอบการซื้อขายใหม่ระหว่างระดับ 1,480-1,530 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่นักลงทุนจะยังคงจับตาข่าวการเมือง, เศรษฐกิจ, การค้าและภาษีที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวโน้มราคาทองในปีหน้า โดยเมื่อต้นเดือนนี้ นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน เชสคาดว่า ราคาทองจะปรับตัวลงในปีหน้า เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้น จะลดความต้องการซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ และยูบีเอส กรุ๊ปคาดว่า ราคาทองจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้า
ราคาทองปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้มากที่สุดในรอบกว่า 4 เดือน และเพิ่มขึ้น 18% แล้วในปีนี้ โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนความต้องการซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก และจากแรงซื้ออย่างต่อเนื่องของกองทุน ETF และธนาคารกลางต่างๆ
ราคาทองพุ่งทะลุระดับ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในสัปดาห์นี้ และมีแนวโน้มที่ราคาทองจะปรับตัวขึ้นมากที่สุดในปีนี้นับตั้งแต่ปี 2553 โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ความตึงเครียดด้านการค้า และภูมิรัฐศาสตร์ จะยังคงหนุนราคาทองให้ปรับตัวขึ้นต่อไปในปีหน้า
นอกจากนี้ บรรดาเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ด้วยว่า ราคาทองจะได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังจากที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปีนี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดตลาดวันศุกร์ (27 ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 3.7 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ที่ระดับ 1,518.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังแตะระดับ 1,519.90 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา และปรับตัวขึ้น 2.5% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค. 2562