สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางส่งสัญญาณตึงเครียด หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศส่งทหารจำนวน 750 นายเข้าประจำการในตะวันออกกลาง ภายหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงในอิรักได้บุกเข้าสถานทูตสหรัฐประจำกรุงแบกแดด ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 61.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 66.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีแนวโน้มบานปลาย หลังจากนายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐจะส่งทหาร 750 นายเข้าประจำการในตะวันออกกลาง ภายหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงได้บุกเข้าสถานทูตสหรัฐในกรุงแบกแดดของอิรัก เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการที่กองทัพสหรัฐโจมตีสมาชิกของกลุ่มฮาชด์ชาบี (Hashd Shaabi) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้สถานทูตสหรัฐประกาศระงับการดำเนินงานด้านกงสุลทั้งหมดจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะเลื่อนการเดินทางไปเยือนยูเครน และอีก 4 ประเทศ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ในอิรัก
นอกเหนือจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางแล้ว ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับเจ้าหน้าที่การค้าของจีนที่ทำเนียบขาวในวันที่ 15 ม.ค. ก่อนที่จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อเริ่มต้นการเจรจาการค้าเฟสสอง
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลาประมาณ 23.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
ส่วนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลง 7.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ธ.ค. 2562