สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้น 1% ในวันนี้ ต่อเนื่องจากการทะยานขึ้นในการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ณ เวลา 20.03 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.00% สู่ระดับ 63.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศต่อท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในสัปดาห์ที่แล้ว จนทำให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน และนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้นำกองกำลังฮาชด์ชาบี (Hashd Shaabi) ของอิรัก เสียชีวิต
ทางด้านอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศพร้อมตอบโต้สหรัฐ ขณะที่นายอาเดล อับดุล มาห์ดี รักษาการนายกรัฐมนตรีอิรัก กล่าวประณามการโจมตีดังกล่าว โดยมองว่าเป็นการแสดงความก้าวร้าวต่อรัฐบาลและชาวอิรัก ส่วนรัฐสภาอิรักได้ผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนการถอนกองกำลังต่างชาติออกจากอิรัก และป้องกันไม่ให้กองกำลังต่างชาติใช้น่านน้ำหรือน่านฟ้าของอิรักในการปฏิบัติการทางทหาร
นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล หากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านส่งผลกระทบต่อการขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง
"เราคาดว่าสหรัฐและอิหร่านจะปะทะกันเป็นเวลาราว 1 เดือน และมีแนวโน้มจำกัดวงในอิรัก โดยกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านจะโจมตีฐานทัพสหรัฐ และทหารสหรัฐบางส่วนจะเสียชีวิต ขณะที่สหรัฐจะทำการโจมตีภายในอิรัก"
"ราคาน้ำมันจะดีดตัวแตะ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่อาจพุ่งถึง 80 ดอลลาร์ ถ้าความขัดแย้งดังกล่าวลุกลามไปยังแหล่งน้ำมันทางใต้ของอิรัก หรือหากอิหร่านขัดขวางการขนส่งทางเรือในบริเวณดังกล่าว" นักวิเคราะห์จากยูเรเซีย กรุ๊ป ระบุ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่เดือนม.ค.เป็นเดือนแรกที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรปรับลดกำลังการผลิตอีก 500,000 บาร์เรล/วัน รวมเป็น 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.