สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) และทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด หลังจากกองทัพสหรัฐใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศที่ท่าอากาศยานกรุงแบกแดดของอิรัก จนเป็นเหตุให้ผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของอิหร่านเสียชีวิต
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 63.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2562
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 68.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2562
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่กองทัพสหรัฐใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศต่อท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในสัปดาห์ที่แล้ว จนทำให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน และนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้นำกองกำลังฮาชด์ชาบี (Hashd Shaabi) ของอิรัก เสียชีวิต
ทางด้านอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศพร้อมตอบโต้สหรัฐ ขณะที่นายอาเดล อับดุล มาห์ดี รักษาการนายกรัฐมนตรีอิรัก กล่าวประณามการโจมตีดังกล่าว โดยมองว่าเป็นการแสดงความก้าวร้าวต่อรัฐบาลและชาวอิรัก ขณะที่รัฐสภาอิรักได้ผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนการถอนกองกำลังต่างชาติออกจากอิรัก และป้องกันไม่ให้กองกำลังต่างชาติใช้น่านน้ำหรือน่านฟ้าของอิรักในการปฏิบัติการทางทหาร
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์เตือนว่า อิหร่านอาจโจมตีซาอุดีอาระเบียอีกระลอก โดยคาดว่าอาจจะใช้ขีปนาวุธหรือโดรนเพื่อโจมตีพื้นที่ใกล้ฐานทัพทหารและแหล่งน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล หากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านส่งผลกระทบต่อการขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง
"ราคาน้ำมันจะดีดตัวแตะ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่อาจพุ่งถึง 80 ดอลลาร์ ถ้าความขัดแย้งดังกล่าวลุกลามไปยังแหล่งน้ำมันทางใต้ของอิรัก หรือหากอิหร่านขัดขวางการขนส่งทางเรือในบริเวณดังกล่าว" นักวิเคราะห์จากยูเรเซีย กรุ๊ป ระบุ
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย