สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากวุฒิสภาสหรัฐให้การอนุมัติข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ซึ่งเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากสหรัฐและจีนลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกอย่างเป็นทางการ โดยนักลงทุนเชื่อว่าข้อตกลงการค้าเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 58.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 64.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
วุฒิสภาสหรัฐให้การอนุมัติข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) เมื่อวานนี้ ก่อนส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อลงนามเป็นกฎหมายต่อไป โดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐเชื่อว่า ข้อตกลง USMCA จะสร้างงานใหม่หลายหมื่นตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่ในภาคการผลิต และเพิ่มโอกาสในการส่งออกให้กับเกษตรกร, เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ และธุรกิจต่างๆ ของสหรัฐ
การอนุมัติข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากสหรัฐและจีนได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่ทำเนียบขาว โดยข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมถึงการที่สหรัฐจะปรับลดภาษีลงครึ่งหนึ่งจากอัตรา 15% ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ และชะลอการเก็บภาษีเพิ่มเติม เพื่อแลกกับการที่จีนให้คำมั่นสัญญาในการปฏิรูปโครงสร้าง และซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 17.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.8 จากระดับ 2.4 ในเดือนธ.ค.