สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ม.ค.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกทั้งในปีนี้และปีหน้า ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 58.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 64.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสู่ระดับ 3.3% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนต.ค.ที่ระดับ 3.4% และยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า สู่ระดับ 3.4% จากเดิมที่ระดับ 3.6%
นักวิเคราะห์จากบริษัทชไนเดอร์ อิเล็กทริกกล่าวว่า ภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ตลาดแทบจะไม่ได้รับแรงผลักดันจากข่าวการปิดท่าเรือลำเลียงน้ำมันในลิเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เนื่องจากนักลงทุนมองว่า การผลิตน้ำมันที่หยุดชะงักลงในลิเบียจะได้รับการชดเชยจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตน้ำมันรายอื่น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อตลาดน้ำมันโลก
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา บริษัทเนชั่นแนล ออยล์ คอร์ปอเรชั่น (NOC) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของรัฐบาลลิเบีย ประกาศภาวะสุดวิสัย (force majeure) ด้านการส่งออกน้ำมันที่ท่าเรือ 5 แห่งภายในประเทศ หลังจากกองกำลังแห่งชาติลิเบียได้สั่งปิดท่าเรือดังกล่าว โดยการปิดท่าเรือเหล่านี้ส่งผลให้ลิเบียสูญเสียการผลิตน้ำมันดิบในปริมาณ 800,000 บาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นมูลค่าราว 55 ล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลลล์สำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ม.ค.