สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 55.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 62.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ล่าสุดมีรายงานยืนยันพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่อื่นๆด้วย ซึ่งรวมถึง ญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเก๊า และสิงคโปร์
ผู้เชี่ยวชาญหลายคน ซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์จากแมคควอรี แคปิตัล เตือนว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลังจากผ่านพ้นเทศกาลตรุษจีน ซึ่งชาวจีนจำนวนหลายร้อยล้านคนจะเดินทางท่องเที่ยวทั้งภายในจีน และในต่างประเทศ
ทางด้านอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ ออกรายงานระบุว่า ทางมหาวิทยาลัยคาดการณ์ว่า ขณะนี้จีนมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ถึง 4,000 คน โดยทั้งหมดอยู่ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ยของจีน
นักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนาอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเป็นปัจจัยฉุดความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ ความกังวลในเรื่องดังกล่าวยังได้บดบังรายงานของ EIA ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 400,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ม.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล