สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากจีนไปยังประเทศต่างๆ จะส่งผลกระทบต่อการเดินทาง ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 54.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.35 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 60.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 7.5% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 6.4%
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบ เนื่องจากวิตกว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจากจีน จะส่งผลกระทบต่อการเดินทาง และความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ยืนยันว่า มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นรายที่ 2 ในสหรัฐ โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวเป็นหญิงจากเมืองชิคาโก ซึ่งได้เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน
นอกจากนี้ CDC ยังเปิดเผยว่า ทางศูนย์กำลังเฝ้าระวังผู้ที่มีแนวโน้มติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อีก 63 รายใน 22 มลรัฐในสหรัฐ
ขณะนี้ ผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 26 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในจีน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้นกว่า 900 ราย
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยนายฟาตีห์ ไบรอล ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่า ตลาดน้ำมันจะเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาดจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงจากการที่ซาอุดีอาระเบียไม่ได้ส่งสัญญาณว่ากลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตเกินกว่าเดือนมี.ค.
ส่วนสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 13 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 ม.ค. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น แต่เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว