สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 53.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 59.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดในแดนลบ หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบซึ่งรายงานโดย EIA นั้น ออกมาสวนทางกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ม.ค.
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณลดการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากโอเปกระบุว่า ผู้ผลิตน้ำมันอาจเสนอให้มีการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงเดือนมิ.ย. จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. และอาจมีการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น หากอุปสงค์น้ำมันในจีนลดลงอย่างมากจากสาเหตุการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่