สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมั่นกลั่นปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนา หลังจากมีรายงานว่านักวิทยาศาสตร์ของจีนและอังกฤษสามารถคิดค้นยาและวัคซีนต้านเชื้อไวรัสดังกล่าว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 50.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือเกือบ 2.5% ปิดที่ 55.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 100,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 100,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ดี สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนหลังจากหนังสือพิมพ์ฉางเจียงของจีนรายงานว่า ทีมคณะนักวิจัยของศาสตราจารย์หลี่ หลานจวน ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของจีนในการคิดค้นยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการวิจัยดังกล่าว โดยผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ยา Abidol และ Darunavir สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพในการทดสอบเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในระดับเซลล์
ทางด้านสำนักข่าวสกายนิวส์รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์อังกฤษรายหนึ่งประสบความสำเร็จในการคิดค้นวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยสามารถร่นระยะเวลาในการพัฒนาวัคซีนจากเดิมที่ต้องใช้เวลา 2-3 ปี เหลือเพียง 14 วัน
ทั้งนี้ รายงานข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก