ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวแคบ รอรัสเซียตัดสินใจต่อข้อเสนอหั่นกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น

ข่าวต่างประเทศ Thursday February 6, 2020 23:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวแคบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการตัดสินใจของรัสเซียต่อข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่มีมติให้โอเปกปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 600,000 บาร์เรล/วัน

ณ เวลา 22.58 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.06% สู่ระดับ 50.78 ดอลลาร์/บาร์เรล

แหล่งข่าวระบุว่า JTC มีมติเสนอให้โอเปกปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 600,000 บาร์เรล/วัน เพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันซึ่งได้ทรุดตัวลงในระยะนี้ ท่ามกลางความวิตกที่ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

อย่างไรก็ดี ข้อเสนอจาก JTC ยังคงต้องรอการยืนยันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่นอกกลุ่มโอเปก

ก่อนหน้านี้ รัสเซียมีท่าทีคัดค้านการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยเห็นว่าควรมีการขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมในขณะนี้ต่อไป

ทั้งนี้ JTC ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่สามารถให้ข้อเสนอแนะแก่โอเปกและชาติพันธมิตรเกี่ยวกับนโยบายการผลิต

ขณะเดียวกัน โอเปกและชาติพันธมิตรยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมีการเลื่อนการประชุมโอเปกให้เร็วขึ้นเป็นเดือนนี้ จากเดิมที่มีกำหนดการประชุมในวันที่ 5-6 มี.ค.

ในการประชุมของกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรในปีที่แล้ว ที่ประชุมมีมติปรับลดกำลังการผลิตอีก 500,000 บาร์เรล/วัน รวมเป็น 1.7 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.ปีนี้

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายความตึงเครียดในการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่จีนประกาศปรับลดภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ จีนจะปรับลดภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐสู่ระดับ 2.5% จากระดับ 5% ส่วนภาษีนำเข้าถั่วเหลืองจะลดลงสู่ระดับ 27.5% จากระดับ 30% ขณะที่ภาษีนำเข้าเนื้อหมู เนื้อวัว และเนื้อไก่ จะปรับลดลงสู่ระดับ 30% จากระดับ 35% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.

การปรับลดอัตราภาษีดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขในข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่สหรัฐและจีนบรรลุข้อตกลงในปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าของนักวิจัยจากจีนและอังกฤษในการคิดค้นยาและวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และการที่ธนาคารกลางจีนกำลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ