สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบที่อาจลดลงทั่วโลกในปีนี้ หลังจากคาดว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อาจส่งผลกระทบแค่ในระยะสั้นต่อเศรษฐกิจโลก และมีความหวังว่า ธนาคารกลางจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงด้วย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร กำลังพิจารณาที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก เพื่อพยุงราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 52.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 57.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 3.4% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 5.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์
บรรดานักลงทุนได้มุ่งความสนใจไปที่กลุ่มโอเปกและพันธมิตรโดยเฉพาะรัสเซีย ว่าจะตกลงกันปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีกหรือไม่ในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 5-6 มี.ค.นี้
กลุ่มโอเปกและพันธมิตรได้เสนอให้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 600,000 บาร์เรล/วัน
นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียขอเวลาตัดสินใจในประเด็นดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์ภาวะตลาดน้ำมัน และจะประกาศจุดยืนของรัสเซียในเร็วๆ นี้
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 แท่น สู่ระดับ 678 แท่นในสัปดาห์นี้