สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวในจีนเริ่มชะลอตัวลง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นรับข่าวสหรัฐออกมาตรการสกัดการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 53.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 59.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดและผลกระทบของไวรัสโควิด-19 หลังจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ ณ วันอังคารที่ 18 ก.พ. เพิ่มขึ้นเพียง 1,749 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทในเครือของรอสเนฟท์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาบริษัทดังกล่าวว่าให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่รัฐบาลเวเนซุเอลา
ทางด้านนายฮอร์เก อาร์เรียซา รัฐมนตรีต่างประเทศของเวเนซุเอลา เปิดเผยว่า การคว่ำบาตรครั้งล่าสุดของสหรัฐต่อบริษัทน้ำมัน รอสเนฟต์ เทรดดิ้ง ของรัสเซีย ด้วยสาเหตุที่บริษัทมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับเวเนซุเอลานั้น เป็นการสร้างความเสียหายให้กับแรงงานชาวเวเนซุเอลา พร้อมกับเตือนว่า เวเนซุเอลาจะยื่นเรื่องประณามมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวของสหรัฐต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ก.พ.