สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันดิบอีกครั้ง หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และตลาดยังถูกกดดันจากการที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแอลงในเดือนก.พ.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 53.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 58.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
แต่ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.6% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 2% โดยในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่น้อยกว่าคาด
นักลงทุนวิตกว่าความต้องการน้ำมันอาจลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันด้วย
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.6 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 76 เดือน จากระดับ 53.3 ในเดือนม.ค.
ดัชนี PMI ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐประสบภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2556 หลังจากมีการขยายตัวยาวนานเกือบ 4 ปี
นักลงทุนยังผิดหวังที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตที่เป็นพันธมิตร ก็ดูเหมือนยังไม่เร่งรีบที่จะควบคุมการผลิต โดยโอเปก และพันธมิตรไม่เห็นด้วยกับการจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหามาตรการพยุงราคาน้ำมัน
นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย กล่าวว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันไม่เห็นความจำเป็นที่โอเปกและพันธมิตร จะจัดการประชุมก่อนการประชุมที่กำหนดไว้แล้วในวันที่ 5-6 มี.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้
เบเกอร์ ฮิวจ์ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 1 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 679 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3