สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรจะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความร่วมมือระหว่างองค์กรต่างๆ เช่น ธนาคารกลางยุโรป (ECB), ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก ในการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.99 ดอลลาร์ หรือ 4.5% ปิดที่ 46.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 4.5% ปิดที่ 51.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับความหวังที่ว่า กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรจะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 5-6 มี.ค.นี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
ทางด้านชีคโมฮัมหมัด บิน คาลิฟา อัล คาลิฟา รมว.น้ำมันของบาห์เรน กล่าวว่า โอเปกและพันธมิตรจะพิจารณาการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 600,000 บาร์เรล/วัน ในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า ธนาคารกลางทั่วโลกจะร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF) และธนาคารโลก ในการออกมาตรการเพื่อรับมือกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดให้คำมั่นว่า เฟดจะใช้เครื่องมือและมาตรการที่เหมาะสมเพื่อหนุนเศรษฐกิจ ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการแสดงความเห็นของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค.นี้
ขณะที่นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยืนยันว่า BOJ จะใช้ความพยายามในทุกทางเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน ซึ่งรวมถึงการจัดหาสภาพคล่องอย่างเพียงพอ และสร้างความเชื่อมั่นว่าตลาดการเงินจะยังคงมีเสถียรภาพ
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย