สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) โดยได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 รวมทั้งข่าวที่ว่า รัสเซียอาจจะไม่เห็นด้วยกับการปรับลดกำลังการผลิต ในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร วันที่ 5-6 มี.ค.นี้ที่กรุงเวียนนา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 46.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 73 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 51.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 785,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 สัปดาห์ แม้ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบล่าสุดเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรลก็ตาม
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ดังกล่าว
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มโอเปกและพันธมิตรในการวันที่ 5-6 มี.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ที่ประชุมจะมีมติปรับลดกำลังการผลิตอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน โดยปรับลดการผลิตเพิ่มขึ้นจากข้อเสนอเดิมที่ระดับ 600,000 บาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ดี สื่อต่างประเทศรายงานว่า แม้ซาอุดีอาระเบียพยายามผลักดันให้มีการปรับลดกำลังการผลิตราว 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน แต่รัสเซียมีความเห็นที่แตกต่าง โดยมองว่าควรจะคงการผลิตเอาไว้ที่ระดับปัจจุบันไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2 ปีนี้