สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้านี้ หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเริ่มต้นของการทำสงครามราคาน้ำมัน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ณ เวลา 06.07 น. ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 8.75 ดอลลาร์ หรือ 21.20% สู่ระดับ 32.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
การประชุมนโยบายด้านการผลิตน้ำมันระหว่างโอเปกและพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ได้เสร็จสิ้นลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิต
ในการประชุมครั้งนี้ โอเปกได้เสนอให้ปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อชดเชยอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยโอเปกต้องการให้ประเทศพันธมิตรให้ความร่วมมือลดการผลิตน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรล/วัน จากจำนวน 1.5 ล้านบาร์เรล/วันที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ดี รัสเซียแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว โดยยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมในขณะนี้ต่อไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2
นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานของรัสเซียกล่าวหลังการประชุมว่า เมื่อพิจารณาผลการประชุมนั้น นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป ทั้งรัสเซียหรือโอเปก หรือประเทศนอกกลุ่มโอเปก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอีกต่อไป
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ซาอุดีอาระเบียได้ออกมาตอบโต้รัสเซียด้วยการปรับลดราคาน้ำมัน และประกาศความพร้อมที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมัน โดยมีเป้าหมายที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดจากรัสเซีย
นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า สงครามราคาน้ำมันอาจฉุดราคาน้ำมันดิบดิ่งลงแตะระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล