สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 10% เมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 3.23 ดอลลาร์ หรือ 10.4% ปิดที่ 34.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.86 ดอลลาร์ หรือ 8.3% ปิดที่ 37.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะออกมาตรการครั้งใหญ่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีเงินเดือน และมาตรการเร่งด่วนอื่นๆ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยคณะบริหารของรัฐบาลสหรัฐจะเร่งผลักดันให้สภาคองเกรสอนุมัติมาตรการดังกล่าว
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า บริษัทผลิตน้ำมันบางแห่ง ซึ่งรวมถึงอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม คอร์ป ได้ปรับลดการใช้จ่ายด้านการผลิตน้ำมัน โดยนักวิเคราะห์มองว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้ผลผลิตน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้านี้
นักลงทุนจับตาท่าทีของรัสเซียและกลุ่มกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) หลังจากรัสเซียส่งสัญญาณว่าอาจจะกลับมาเจรจากับกลุ่มโอเปกอีกครั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาด อย่างไรก็ดี ซาอุดีอาระเบียเมินท่าทีประนีประนอมดังกล่าวของรัสเซีย โดยเจ้าชายอับดูลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า "ผมไม่เห็นประโยชน์ในการจัดการประชุมในเดือนพ.ค.-มิ.ย. ซึ่งจะยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของเราในสิ่งที่ควรทำ และในการใช้มาตรการที่จำเป็นในวิกฤตการณ์ครั้งนี้"
นักลงทุนรอดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดย EIA มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค.