สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปเข้าสู่สหรัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 4.5% ปิดที่ 31.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ดิ่งลง 2.57 ดอลลาร์ หรือ 7.2% ปิดที่ 33.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การที่ปธน.ทรัมป์ประกาศระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปเข้าสู่สหรัฐ จะยิ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำมันทรุดตัวลง หลังจากที่ได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้วจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปทั้งหมด ยกเว้นสหราชอาณาจักร ในช่วง 30 วันข้างหน้า ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้ โดยทรัมป์ได้ตำหนิสหภาพยุโรป (EU) ที่ไม่ดำเนินมาตรการควบคุมการเดินทางจากจีนตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด
ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 7.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล และเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันยาวนานถึง 7 สัปดาห์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ประสบความล้มเหลวในการทำข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน จนเป็นเหตุให้ซาอุดีอาระเบียเปิดฉากทำสงครามราคาน้ำมัน ด้วยการประกาศลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) และประกาศแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี