สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 27 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.75 ดอลลาร์ หรือ 6.1% ปิดที่ 26.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2559
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 4.4% ปิดที่ 28.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2559
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 5,145 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าภายในช่วงเวลาเพียง 7 วัน ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 91 ราย
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากการทำสงครามราคาระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย โดยรัฐบาลซาอุดีอาระเบียมีคำสั่งให้บริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาล เพิ่มกำลังการผลิตสู่ระดับ 13 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ 12 ล้านบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ การประกาศเพิ่มการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียมีขึ้นหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อช่วงต้นเดือนมี.ค. โดยในการประชุมครั้งนี้ โอเปกได้เสนอให้ปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ไปจนถึงสิ้นปีนี้ แต่รัสเซียไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว พร้อมยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมในขณะนี้ต่อไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 มี.ค.