สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 23% เมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) ขานรับธนาคารกลางทั่วโลกออกมาตรการฉุกเฉินเพื่อลดผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากข่าวสหรัฐเตรียมซื้อน้ำมันจำนวน 30 ล้านบาร์เรลเพื่อกักเก็บในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 4.85 ดอลลาร์ หรือ 23.8% ปิดที่ 25.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งสุดเป็นประวัติการณ์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 3.59 ดอลลาร์ หรือ 14.4% ปิดที่ 28.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลางออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บราซิล เดนมาร์ก เม็กซิโก นอร์เวย์ สวีเดน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ในการทำข้อตกลงสว็อปเพื่อเพิ่มสภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ระบบการเงินทั่วโลกประสบปัญหาสกุลเงินดอลลาร์ตึงตัว เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.15% สู่ระดับ 0.10% เมื่อวานนี้ และเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 2 แสนล้านปอนด์ สู่ระดับ 6.45 แสนล้านปอนด์ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศโครงการใหม่ในการซื้อหลักทรัพย์ของภาคเอกชนและภาครัฐวงเงินรวม 7.50 แสนล้านยูโร โดยการดำเนินการของธนาคารกลางทั้งสองแห่งมีเป้าหมายที่จะรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ทางกระทรวงฯจะเข้าซื้อน้ำมันจำนวน 30 ล้านบาร์เรลเพื่อกักเก็บในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าจะดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตน้ำมันสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันในระยะนี้