สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 10% เมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) และร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามอ่าว (Gulf War) เมื่อปี 2534 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก ขณะที่มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งจะเดินทางไปยังซาอุดิอาระเบียเพื่อหาทางรับมือกับผลกระทบจากการทำสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 2.69 ดอลลาร์ หรือ 10.7% ปิดที่ 22.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 26.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 29% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วง 20.3%
ตลาดน้ำมันยังคงถูกกดดัน เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงต่อไป ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกออกมาตรการปิดเมืองเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ความล้มเหลวในการร่วมมือกันปรับลดการผลิตระหว่างโอเปกและกลุ่มประเทศผู้ผลิตอื่นๆ รวมถึงรัสเซียนั้น ยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน
ซาอุดีอาระเบียเปิดเผยว่าจะเพิ่มการผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 12.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะเพิ่มการส่งออกน้ำมันไปยังทั่วโลก ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐเข้าแทรกแซงในเรื่องดังกล่าว
เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า สหรัฐจะส่งเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานของสหรัฐไปยังซาอุดีอาระเบียเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อร่วมมือในการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดพลังงาน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่รัฐเท็กซัสรายหนึ่งได้หารือกับนายโมฮัมหมัด บาร์คินโก เลขาธิการโอเปกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับลดการผลิตน้ำมันทั่วโลก