สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า รัฐบาลสหรัฐระงับแผนซื้อน้ำมันกักเก็บในคลังสำรอง เนื่องจากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณ นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.89 ดอลลาร์ หรือ 7.7% ปิดที่ 22.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.05 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 26.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันทำสถิติปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐประกาศระงับแผนการซื้อน้ำมันเพื่อกักเก็บในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เนื่องจากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ในร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้น ไม่มีการตั้งงบประมาณเพื่อการซื้อน้ำมันสำหรับกักเก็บใน SPR แต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐแถลงเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า ทางกระทรวงฯจะเข้าซื้อน้ำมัน 30 ล้านบาร์เรล จากจำนวนทั้งหมด 77 ล้านบาร์เรลเพื่อกักเก็บในคลังสำรอง SPR ซึ่งอยู่ในรัฐเท็กซัส และหลุยเซียนา
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการทำสงครามราคาระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียประกาศทำสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันลดกำลังการผลิตอีก 1.5 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ โดยรัสเซียยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมในขณะนี้ต่อไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2