สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทรุดตัวลงเกือบ 6% ใกล้หลุดระดับ 21 ดอลลาร์ในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกประสบภาวะถดถอย ซึ่งจะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน
นักลงทุนมีความวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ หลังมีรายงานว่า สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 85,000 ราย แซงหน้าจีน และเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดของโลก
ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.31 ดอลลาร์ หรือ 5.80% สู่ระดับ 21.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการทำสงครามราคาระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียประกาศทำสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันลดกำลังการผลิตอีก 1.5 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ โดยรัสเซียยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมในขณะนี้ต่อไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังเผชิญปัจจัยลบ หลังมีข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐระงับแผนซื้อน้ำมันกักเก็บในคลังสำรอง เนื่องจากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐประกาศระงับแผนการซื้อน้ำมันเพื่อกักเก็บในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เนื่องจากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ในร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้น ไม่มีการตั้งงบประมาณเพื่อการซื้อน้ำมันสำหรับกักเก็บใน SPR แต่อย่างใด
ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาในวันพุธ ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรจะทำการลงมติในวันนี้
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐแถลงเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า ทางกระทรวงฯจะเข้าซื้อน้ำมัน 30 ล้านบาร์เรล จากจำนวนทั้งหมด 77 ล้านบาร์เรลเพื่อกักเก็บใน SPR
การดำเนินการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าจะดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตน้ำมันสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันในระยะนี้ โดยรัฐบาลสหรัฐมีแผนที่จะซื้อน้ำมันดังกล่าวจากผู้ผลิตขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยจะซื้อทั้งน้ำมันดิบแบบ sweet และ sour