สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะลดลงท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อคืนนี้แล้วก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 21.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.41 ดอลลาร์ หรือ 5.4% ปิดที่ 24.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 5% ซึ่งปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันแล้ว และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วง 7.6%
ตลาดน้ำมันถูกกดดัน หลังนายฟาตีห์ ไบรอล ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลก อาจลดลงมากถึง 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 20% ในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากมาตรการล็อกดาวน์ทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนราว 3 พันล้านคน
นักวิเคราะห์ของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจลดลงมากถึง 30% ในไตรมาส 2/2563 ในบางประเทศ และความต้องการใช้น้ำมันจะร่วงลงราว 16% หรือ 15 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากการทำสงครามราคาระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมัน ลดกำลังการผลิตอีก 1.5 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ โดยรัสเซียยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมในขณะนี้ต่อไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2/2563