สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 57% หลุดระดับ 8 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 30 ปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่คลังเก็บน้ำมันของสหรัฐกำลังกักเก็บน้ำมันใกล้เต็มความจุ ท่ามกลางภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่สต็อกน้ำมันสหรัฐพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์
ณ เวลา 23.39 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ดิ่งลง 10.52 ดอลลาร์ หรือ 57.58% สู่ระดับ 7.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2529
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งจะมีการส่งมอบในวันพรุ่งนี้ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด จากการดิ่งลงกว่า 50% ภายในวันเดียว ทำสถิติทรุดหนักสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ที่มีการเริ่มต้นซื้อขายสัญญาน้ำมันในปี 2526
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลงกว่า 8% แตะระดับ 22.93 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ปรับตัวลง 5% สู่ระดับ 28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า วิกฤตการณ์จากแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลง 29 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี ขณะที่ประเทศต่างๆพากันออกมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19
โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ถือว่าน้อยเกินไป และยังไม่มากพอที่จะช่วยชดเชยผลกระทบของอุปสงค์น้ำมันที่ทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
โกลด์แมน แซคส์ คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังคงร่วงลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากสต็อกน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าโอเปกพลัสได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตเพื่อลดอุปทานน้ำมันในตลาดโลกก็ตาม
ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 3% ในปีนี้ ซึ่งสวนทางการคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.3% ในปีนี้
IMF ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 5.9% ในปีนี้ แต่จีนจะมีการขยายตัว 1.2%
นอกจากนี้ IMF ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัว 7.5% ในปีนี้ ขณะที่อิตาลีและสเปน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 จะหดตัวลง 9.1% และ 8% ตามลำดับ