สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 20% เมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดในอ่าวเปอร์เซีย หลังจากอิหร่านขู่ว่าจะทำลายเรือรบสหรัฐหากเป็นภัยคุกคามความมั่นคง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีก ท่ามกลางการทรุดตัวของราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.72 ดอลลาร์ หรือ 19.7% ปิดที่ 16.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 4.7% ปิดที่ 21.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถานการณ์ตึงเครียดในอ่าวเปอร์เซียยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน โดยล่าสุด นายฮอสเซน ซาลามี หัวหน้ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) กล่าวว่า อิหร่านจะทำลายเรือรบสหรัฐ หากสหรัฐเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย
"ผมสั่งให้กองเรือของเราทำลายกองกำลังก่อการร้ายอเมริกันในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของกองทัพอิหร่าน หรือเรือพาณิชย์ของอิหร่าน โดยความมั่นคงของอ่าวเปอร์เซียถือเป็นยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งของอิหร่าน" นายซาลามีกล่าว
คำขู่ของนายซาลามี มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เขาได้สั่งกองทัพเรือสหรัฐให้ทำการยิงและทำลายเรือปืนของอิหร่านทุกลำ หากมีท่าทีก่อกวนเรือสหรัฐ
ทางด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐรายงานว่า เรือของ IRGC ได้แสดงท่าทีที่ยั่วยุและอันตราย ขณะขับเข้าใกล้เรือยามฝั่งของสหรัฐในอ่าวเปอร์เซีย
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีก หลังจากที่ได้ลดลงไปแล้ว 100,000 บาร์เรล สู่ระดับ 12.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา