สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้ผลิตน้ำมันหลายรายระบุว่า จะปรับลดการผลิตลง และภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดสหรัฐนั้น ไม่ได้ขยายตัวรวดเร็วอย่างที่หลายคนวิตกกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 3.78 ดอลลาร์ หรือ 25.1% ปิดที่ 18.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. แต่ร่วงลง 8% ในเดือนเม.ย. โดยเป็นการร่วงลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันซึ่งคิดเป็นการร่วงลงรวมกว่า 70%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 2.73 ดอลลาร์ หรือ 12.11% ปิดที่ 25.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. และปรับตัวขึ้นราว 11% ในเดือนเม.ย. หลังร่วงลงมากกว่า 65% ในไตรมาสแรก
ตลาดน้ำมันดิบสหรัฐได้แรงหนุนจากการที่นอร์เวย์ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของยุโรปตะวันตกเปิดเผยว่า จะปรับลดการผลิตน้ำมันลงในเดือนมิ.ย.-ธ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับลดการผลิตเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี อันเป็นความพยายามร่วมกับประเทศผู้ผลิตอื่นๆ ที่จะช่วยหนุนราคาน้ำมัน และสกัดกั้นภาวะน้ำมันล้นตลาด
บริษัทโคโนโคฟิลลิปส์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซของสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทจะปรับลดการผลิตน้ำมันลงอย่างมากในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดยมีเป้าหมายที่จะลดการผลิตลง 35% ของผลผลิตทั้งหมดภายในเดือนมิ.ย.
บริษัทโนวาเทค ซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซของรัสเซียเปิดเผยว่า บริษัทวางแผนที่จะลดการใช้จ่ายทุนลงในปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโครงการน้ำมัน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 14 สัปดาห์ แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้น 10.6 ล้านบาร์เรล
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยแผนช่วยเหลือบริษัทน้ำมันสหรัฐ ซึ่งอาจรวมถึงการซื้อน้ำมันเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธศาสตร์จำนวนหลายล้านบาร์เรล
บริษัทน้ำมัน 9 แห่งรวมถึงเชฟรอน คอร์ป และเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ได้ตกลงที่จะเช่าพื้นที่เพื่อกักเก็บน้ำมันดิบ 23 ล้านบาร์เรลในคลังน้ำมันสำรองฉุกเฉินของสหรัฐ