สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) หลังเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลงอีกในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการปรับลดการผลิต และความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 24.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.51 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 30.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 25.1% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 17.1%
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 34 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 374 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลดังกล่าวเมื่อปี 2483 หรือ 80 ปีก่อน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่ไอเอชเอส มาร์กิตคาดว่า จะมีการปรับลดการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกเกือบ 14 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ขณะที่คาดว่าอุปสงค์น้ำมันในไตรมาส 2/2563 จะยังคงน้อยกว่าปีที่แล้ว 22 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่บริษัทน้ำมันของสหรัฐได้เริ่มปรับลดการผลิตน้ำมัน ขณะที่ซาอุดีอาระเบียปรับเพิ่มราคาน้ำมันอย่างเป็นทางการ
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐลดลง 200,000 บาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 11.9 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเอ็กซอน เชฟรอน และโคโนโคฟิลิปส์ต่างก็ปรับลดการผลิตน้ำมัน ท่ามกลางราคาที่ตกต่ำลง
นอกจากนี้ EIA ยังเปิดเผยว่า น้ำมันดิบในสต็อกของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทางด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้เริ่มปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วันแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นอร์เวย์และแคนาดาก็ได้ร่วมปรับลดกำลังการผลิตลงด้วยเช่นกัน