สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) ขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งรายงานคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกจะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 2.27 ดอลลาร์ หรือ 9% ปิดที่ 27.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.94 ดอลลาร์ หรือ 6.7% ปิดที่ 31.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 700,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 พ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน WTI ร่วงลง 3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 62.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 พ.ค. โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 11.6 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งลดลง 300,000 บาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า และลดลง 500,000 บาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกจะลดลงราว 5.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563