สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) ขานรับรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงอย่างเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งความหวังที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้น จากการที่รัฐบาลของประเทศต่างๆพากันผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 33.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 2563
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 35.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 2563
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์ และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน WTI ร่วงลง 5.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
รายงานระบุว่า ขณะนี้รัฐต่างๆในสหรัฐเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์และเตรียมเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ก่อนที่จะถึงวันหยุด Memorial Day ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้