สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากความเชื่อมั่นที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 34.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 36.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้ตกลงกันที่จะลดการผลิตน้ำมันลง 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพ.ค.และมิ.ย.นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะจัดการกับปริมาณน้ำมันส่วนเกินที่เกิดจากผลกระทบของวิกฤตโควิด-19
ทั้งนี้ นักลงทุนเชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต ขณะเดียวกันก็จับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในช่วงต้นเดือนหน้า โดยที่ประชุมจะหารือเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคา
ตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษจะอนุญาตให้มีการเปิดร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป ตามมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟสที่สอง
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงบวกจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ ซึ่งระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน ลดลง 21 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 318 แท่น โดยทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลดังกล่าวเมื่อปี 2483 หรือเมื่อ 80 ปีก่อน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย