สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันปิดในแดนบวก แม้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 2.7% ปิดที่ 33.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 35.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 700,000 บาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ซึ่งแม้ว่าลดลงไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล แต่ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี
ทั้งนี้ การลดลงของสต็อกน้ำมันเบนซินเป็นปัจจัยหนุนสัญญาน้ำมัน WTI ปิดตลาดในแดนบวก แม้รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 7.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 พ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 พ.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในช่วงต้นเดือนมิ.ย. โดยที่ประชุมจะหารือเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวของรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มโอเปกพลัส หลังจากสื่อหลายสำนักรายงานว่า รัสเซียอาจจะไม่ปรับลดการผลิตน้ำมันตามข้อตกลงในเดือนก.ค. แม้ที่ประชุมโอเปกพลัสซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนเม.ย.ได้มีมติมติปรับลดการผลิต 8 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนก.ค.ไปจนถึงสิ้นปี 2563 และจะปรับลด 6 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 ไปจนถึงเดือนเม.ย. 2565