สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น เป็นปัจจัยดึงดูดแรงซื้อของนักลงทุนและช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบปิดในแดนบวก แม้ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 39.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 41.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดในแดนบวก หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.33% สู่ระดับ 95.9841 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลง และมีความน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
สำหรับปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงนั้น มาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปจนถึงปี 2565
ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล