สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 8% เมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ซึ่งอาจฉุดเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทรุดตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงในปีนี้ รวมทั้งรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 3.26 ดอลลาร์ หรือ 8.2% ปิดที่ 36.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ดิ่งลง 3.18 ดอลลาร์ หรือ 7.6% ปิดที่ 38.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลว่า ภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐและทั่วโลกอาจชะลอตัวลงอีก หลังจากไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะกลับมาแพร่ระบาดรอบสองในสหรัฐ โดยข้อมูลของ Worldometer และมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานในทิศทางเดียวกันว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุหลัก 2 ล้านรายแล้ว ขณะที่รัฐนิวยอร์กมีผู้ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ จำนวน 401,333 ราย และเป็นจำนวนที่มากกว่าทุกประเทศในโลก นอกจากนี้ รัฐนิวยอร์กยังมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 30,680 ราย
นายอาชิช์ จาห์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพโลกแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คาดการณ์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐ อาจพุ่งขึ้นแตะ 200,000 รายในเดือนก.ย.นี้ หากไม่มีการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวด ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งทะลุหลัก 2 ล้านรายแล้วในขณะนี้ หลังจากที่รัฐบาลของรัฐต่างๆผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมการแพร่ระบาด
ขณะเดียวกันนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากเฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ และคาดว่าอัตราการว่างงานจะพุ่งแตะระดับ 9.3%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล