สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ภาวะเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐและทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังรัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากนักวิเคราะห์ของ BofA Global Research ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 2.3% ปิดที่ 40.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 43.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นขานรับความหวังที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้มีรายงานว่ายอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นก็ตาม โดย Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,356,715 ราย และมีผู้เสียชีวิต 122,249 ราย
ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 13 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 266 แท่น ซึ่งเป็นการทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลดังกล่าวเมื่อปี 2483 หรือเมื่อ 80 ปีก่อน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังดีดตัวขึ้นหลังจากนักวิเคราะห์ของ BofA Global Research ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ในปี 2563 เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมันโลกยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี
ทั้งนี้ BofA Global Research ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ในปี 2563 ขึ้นสู่ระดับ 39.70 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 32 ดอลลาร์/บาร์เรล และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ขึ้นสู่ระดับ 43.70 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 37 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย