สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายสัญญาน้ำมันดิบออกมา ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่า อุปสงค์น้ำมันดิบจะอ่อนแอลงอีก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 38.49 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 3.4% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 41.02 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 2.8% ในรอบสัปดาห์นี้
บรรดานักลงทุนขายสัญญาน้ำมันดิบออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ที่ลดลง หลังจากที่บางรัฐของสหรัฐได้สั่งล็อกดาวน์อีกครั้ง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้น โดยในวันศุกร์ รัฐเท็กซัสและรัฐฟลอริดาได้สั่งให้บาร์ต่างๆ ปิดให้บริการอีกครั้ง
นายเกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสได้ออกคำสั่งบริหารในวันศุกร์ เพื่อจำกัดการดำเนินธุรกิจและการให้บริการบางอย่าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ล่าสุดสหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,546,841 ราย และมีผู้เสียชีวิต 127,361 รายแล้ว โดยในขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตจากโควิด-19
ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 1 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 188 แท่น
สัญญาน้ำมันดิบเผชิญแรงกดดันอยู่แล้ว หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ไว้ว่า อาจลดลง 100,000 บาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มิ.ย.