สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีนทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า ภาวะเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 39.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 41.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนคาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากทางการสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 44.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ NAR เริ่มทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนม.ค.2544 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 15%
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสพุ่งขึ้นสู่ระดับ 13.6 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ -28.0 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีภาคการผลิตปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนมิ.ย. หลังจากทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้น 6% ในเดือนพ.ค. แตะที่ระดับ 5.8234 แสนล้านหยวน (8.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2562 และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวจากผลกระทบของการชัตดาวน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ ซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 1 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับ 188 แท่น
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย