สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐปรับตัวลดลง โดยข้อมูลดังกล่าวส่งสัญญาณว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐกำลังฟื้นตัว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 40.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 43.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.ปีนี้ หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบ 7.39 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.97 ล้านบาร์เรล/วันของสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่การนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอยู่ที่ 5.01 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.88 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ร่วงลง 4.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของยอดนำเข้าน้ำมันดิบ และสต็อกน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวลดลงนั้น ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น และข้อมูลดังกล่าวยังช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของ EIA ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
ข้อมูลของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 500,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือกันเกี่ยวกับข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดภายในสิ้นเดือนนี้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา โอเปกพลัสได้บรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วันออกไปจนถึงเดือนก.ค. จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.