สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 4% หลุดระดับ 40 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2563 ซึ่งหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี ทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะซบเซาของเศรษฐกิจสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกต่อปริมาณน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้นในตลาด ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสจะเริ่มผ่อนคลายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนหน้า
ณ เวลา 21.15 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.67 ดอลลาร์ หรือ 4.05% สู่ระดับ 39.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 2/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 32.9% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากหดตัว 5% ในไตรมาส 1
อย่างไรก็ดี ตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 2/2563 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะหดตัวลง 34.7%
การหดตัวของ GDP ในไตรมาส 2/2563 รุนแรงกว่าที่ได้หดตัว 10% ในไตรมาสแรกของปี 2501 และการหดตัว 8.4% ในไตรมาส 4 ของปี 2551
การหดตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทั้งในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้ได้ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
การทรุดตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่โอเปกพลัสจะเริ่มผ่อนคลายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนหน้า ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ โอเปกพลัสจะปรับลดกำลังการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนส.ค.จนถึงสิ้นปี 2563 จากปัจจุบันที่ปรับลด 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านบาร์เรล/วันจากโอเปกพลัสไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก