สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 41.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 44.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 54.2 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 52.6 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.6 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.9 ในเดือนก.ค. จากระดับ 49.8 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ
การเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้ช่วยบดบังความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสเริ่มผ่อนคลายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนนี้ โดยจะปรับลดกำลังการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือนส.ค.ไปจนถึงสิ้นปี 2563 จากเดิมที่ปรับลด 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านบาร์เรล/วันจากโอเปกพลัสไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย