สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก และการกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 73 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 41.22 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เพิ่มขึ้น 2.4% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 69 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 44.40 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เพิ่มขึ้น 2% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจจะนำไปสู่การดำเนินมาตรการล็อกดาวน์รอบสอง ซึ่งจะกระทบความต้องการใช้น้ำมัน
ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกมากกว่า 19 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 7.16 แสนรายแล้วเมื่อนับถึงเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยสหรัฐมีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดกว่า 4.9 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1.6 แสนราย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขายสัญญาน้ำมันดิบ เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามคำสั่งบริหารเพื่อแบนติ๊กต็อกและวีแชทซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นของจีน โดยจะมีผลบังคับใช้ใน 45 วันข้างหน้า ขณะที่จีนขู่ที่จะตอบโต้การดำเนินการดังกล่าวของสหรัฐ
ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 4 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 247 แท่น และลดลง 687 แท่นเมื่อเทียบเป็นรายปี