สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการอุปสงค์น้ำมันที่ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 43.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 45.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ส.ค. ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 และเป็นการปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 4.3 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 300,000 บาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ส.ค.
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 700,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการระงับการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก โดยรายงานล่าสุด ณ วันพุธที่ 26 ส.ค.ของสำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ (Bureau of Safety and Environmental Enforcement - BSEE) ระบุว่า อิทธิพลของเฮอร์ริเคนมาร์โคและพายุโซนร้อนลอราได้ส่งผลให้บริษัทน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกปรับลดกำลังผลิตน้ำมันดิบนอกชายฝั่งแล้วประมาณ 84.3% และปรับลดกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติลง 60.9%
ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกคิดเป็นสัดส่วน 17% ของการผลิตในสหรัฐ ส่วนการผลิตก๊าซธรรมชาติคิดเป็น 5%
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยข้อมูลบนเว็บไซต์ของ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 24,090,800 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 824,162 ราย ขณะที่สหรัฐยังคงติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19