สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการน้ำมันดิบที่เป็นไปอย่างซบเซา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 41.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 44.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.
ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ที่ไม่แน่นอน หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัที่ไร้ทิศทาง โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 56.9 ในเดือนส.ค. จากระดับ 58.1 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 57.0
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 881,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 950,000 ราย หลังจากมีจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก 1.011 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลงสู่ระดับ 13.254 ล้านราย หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะ 24.912 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพ.ค.
เทรดเดอร์ได้ปรับตัวรับการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงแล้ว หลังจากเมื่อวันพุธ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ ลดลง 9.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ส.ค. โดยปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลงเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
สต็อกน้ำมันเบนซิน ลดลง 4.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลง 4.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลง 900,000 บาร์เรล
ส่วนการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 9.7 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงช่วงเวลาที่พายุเฮอริเคนลอราส่งผลให้ต้องปิดโรงงานผลิตและโรงกลั่นน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก