สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของรัฐบาลสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 38.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 40.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งหลุดจากระดับ 37 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย มีแผนที่จะปรับลดราคาน้ำมันให้กับผู้ซื้อในเอเชียในเดือนส.ค.นี้
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า แม้ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่ภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 โดย Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 27,770,155 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 902,543 ราย
ทั้งนี้ สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดในโลก โดยขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 6,514,376 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 194,037 ราย
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 500}000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ก.ย.