สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ลิเบียอาจจะส่งออกน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น หลังจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาลลิเบียประกาศยุติการปิดล้อมโรงงานน้ำมันภายในประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความกังวลที่ว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบที่สองในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 4.4% ปิดที่ 39.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 41.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในหลายประเทศของยุโรป ตั้งแต่เดนมาร์กไปจนถึงกรีซ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ อาจประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 2
นายแพทริก แวลแลนซ์ ที่ปรึกษารัฐบาลอังกฤษ กล่าวว่า ขณะนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในอังกฤษเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุก 7 วัน ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็จะทำให้อังกฤษมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 50,000 รายต่อวันภายในกลางเดือนหน้า และจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 รายต่อวัน
ขณะนี้ อังกฤษมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 394,257 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 41,777 ราย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากพลเอกคาลิฟา ฮัฟทาร์ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มต่อต้านรัฐบาลลิเบีย ประกาศว่า ทางกลุ่มจะยุติการปิดล้อมโรงงานน้ำมันในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ลิเบียสามารถส่งออกน้ำมันมากขึ้นในตลาดโลก
ทางด้านผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐในอ่าวเม็กซิโกได้เริ่มกลับมาทำการผลิตแล้ว หลังจากที่มีการอพยพพนักงานก่อนหน้านี้เพื่อหลีกเลี่ยงการพัดถล่มของพายุเฮอร์ริเคนแซลลี
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย